บทที่ 10 10

“เฮ้ย! ทำไมหลิวโจวซิ่นถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ หล่อนรับงานอีเว้นต์ข้ามภพด้วยเหรอ” หลินหลินหันไปร้องตะโกนบอกคนขับรถม้าด้วยความดีใจอย่างน้อยก็ไม่ใช่เธอคนเดียวที่หลงยุคมา

“หยุดรถม้าเดี๋ยวนี้” หลินหลินร้องบอกแล้วกระโดดลงจากรถม้าโดยไม่สนใจมารยาทอีกเลย นางต้องรีบตามหลิวโจวซิ่นให้ทันแล้วถามว่าอีกฝ่ายก็ย้อนเวลามาที่ราชวงศ์ชิงเหมือนกันใช่หรือไม่ถ้าใช่ ก็จะได้หาทางกลับบ้านไปพร้อมกัน

สองเท้าเรียวเล็กพยายามวิ่งให้ทันแต่ก็วิ่งได้ช้าเพราะรองเท้าที่สวมใส่ อีกทั้งชุดที่สวมก็คับแคบวิ่งไม่ถนัด

“คุณหลิวคะ รอฉันด้วยค่ะ คุณหลิววว”

เสียงของหลินหลินดังมากแต่หลิวโจวซิ่นไม่ได้ยินแต่คนที่ยืนอยู่ในตลาดตรงนั้นได้ยินกันทุกคน ทุกสายตามองมาที่เธอเป็นตาเดียว

ใครกัน หน้าตาก็งดงามล่มเมืองทำไมเสียมารยาท

เป็นลูกสาวจวนไหน ถ้ามีลูกชายจะไม่ให้แต่งด้วยเลย

หลินหลินไม่สนใจสายตากับคำพูดของใครทั้งนั้น พยายามมองหาหลิวโจวซิ่นแต่หาไม่เจอ นางไม่สนใจเสียงเรียกของลู่เจียวกับจิวฮุ่ยที่ตามอยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ

ร่างบอบบางราวกิ่งหลิววิ่งฝ่าฝูงชนจนไปชนกับร่างกำยำร่างหนึ่ง

“อุ๊ย”

ใบหน้าหล่อเหลาที่มีผมเปียยาวถึงเอวตวัดตามองด้วยสายตาไม่พอใจครั้งหนึ่ง หลินหลินเห็นเข้าจึงรีบเอ่ย

“ขอโทษเจ้าค่ะ” ว่าแค่นั้นแล้วจะวิ่งไปหาหลิวโจวซิ่นแต่ข้อมือบางก็ถูกมือแข็งแรงฉุดให้กลับมา แล้วถูกผลักให้ล้มลง

“โอ๊ย”

“พูดกับท่านอ๋องแบบนี้ได้หรือ คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากถูกตัดหัว”

“ท่านอ๋อง” หลินหลินตกใจแต่เวลานี้นางเริ่มจำเขาได้ หญิงสาวเบิกตากว้าง “ท่าน! ท่านนั่นเอง ฮ่องเต้ในภาพวาด” ใช่แล้วเธอจำไม่ผิดแน่เพื่อนสาวของเธอนำข้อมูลประวัติศาสตร์สำคัญที่คัดลอกเอาไว้มาให้ยืมใช้ทำงาน ผู้ชายตรงหน้าในอนาคตเขาคือฮ่องเต้แห่งต้าชิง แต่ทำไมชุดที่เขาใส่ในเวลานี้กลับไม่ใช่ เมื่อนึกขึ้นได้เวลานี้ผู้ครอบครองบัลลังก์มังกรคือไอ้ผัวชั่วต่างหาก

“ใช่ ท่านนี้คือท่านอ๋องเก้า เจ้ามีตาแต่หามีแววไม่” คนพูดเองก็จำอดีตฮองเฮาไม่ได้ เนื่องจากจางชิงหลินเวลานี้ทั่วร่างดูเรียบง่ายไม่ต่างจากหญิงสามัญชน

“ได้ๆ ข้ามันตาไม่มีแวว มองไม่ออกว่าท่านนี้คือท่านอ๋อง แต่ตอนนี้ข้ารีบ ข้าต้องไปตามหาคนก่อนวันหลังจะแวะมาคารวะใหม่” หลินหลินอยากรู้ว่าหลิวโจวซิ่นมาที่นี่ได้อย่างไร แล้วรู้วิธีกลับไหม จึงร้อนใจรีบลุกขึ้นวิ่งตาม แต่ร่างอรชรก็ไม่สามารถวิ่งไปได้ตามใจ เพราะเสียงคมกระบี่ที่ดังออกจากฝัก

เฟี้ยว

เสียงคมกระบี่เสียดสีกับอากาศ ทำให้หลินหลินตกใจ หยุดยืนมองด้วยอาการตัวแข็ง

“ข้าทำอะไรผิด จะฆ่ากันเลยหรือ”

ครั้งนี้เป็นเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นเนิบช้า ใช้มือลดกระบี่ขององครักษ์ลง “พวกเจ้าโง่เขลา จำอดีตฮองเฮาไม่ได้หรือ”

หลินหลินได้ยินก็ เบ้ปากใส่บุรุษที่คาดว่าน่าจะเป็นองครักษ์

“สมน้ำหน้า”

“จางชิงหลิน จางฮองเฮา ใช่ท่านจริงๆมาวิ่งเล่นอะไรแถวนี้”

หลินหลินเงยหน้าขึ้นมอง นางจะสะบัดหน้ากลับแต่ถูกเขาบีบปลายคางไว้แน่น กระแสความร้อนประหลาดขุมหนึ่งวิ่งไปทั่วร่าง นางมองไม่ผิดใช่ไหมเมื่อครู่ผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้ามองนางอย่างกระเหี้ยนกระหือรือในเพศรส

“สภาพของท่านตอนนี้ ข้าจำแทบไม่ได้”

“สภาพข้าจะเป็นเช่นไรก็เรื่องของข้า และเมื่อครู่ที่ว่าข้าวิ่งเล่น... ข้าอายุเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่เด็กสามขวบนะเจ้าคะ” หลินหลินสะบัดหน้าออกให้พ้นจากการถูกบีบ พอดีกับสองบ่าววิ่งกระหืดกระหอบมาถึง

“เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”

“ข้าไม่เป็นอะไร” หลินหลินตอบอย่างโกรธๆ จ้องไปที่คนที่เพิ่งปล่อยมือจากการบีบคางนาง สองบ่าวเมื่อมองตามไปก็ร้องออกมา

“ท่านอ๋อง ขอท่านอ๋องโปรดทรงอภัยให้คุณหนูด้วยเจ้าค่ะ” ทั้งสองบ่าวรีบดึงมือให้จางชิงหลินถอยออกมา

“เมื่อครู่ เขาบอกว่าเป็นท่านอ๋อง เขาชื่ออะไรหรือ” จางชิงหลินกระซิบถาม

“เจ้าความจำเสื่อมหรือถึงจำอะไรไม่ได้เลยพี่สะใภ้”

หลินหลินตวัดสายตาไปมอง “ใช่มั้ง ใช่ก็ใช่”

“ทูลท่านอ๋อง คุณหนูถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ศีรษะตอนเดินทางมาที่จวนสกุลหลวนทำให้บาดเจ็บ ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนมาก ความทรงจำเสียหายไปเพคะ จึงจำท่านอ๋องไม่ได้ ขอท่านอ๋องโปรดเมตตาด้วย”

ฉินจิ้นเหอหรืออ๋องเก้าตวัดสายตามองไปที่จางชิงหลินอีกครั้ง ดวงตาคู่งามภายใต้ขนตาเป็นแพของนางยังคงหวานซึ้งเช่นเดิม ความงามราวเทพธิดาของนางที่เคยสะกดสายตาของเขาไว้ได้ไม่แปรเปลี่ยนยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่มีบางสิ่งเปลี่ยนไป

ดวงตาที่เคยอ่อนหวานดูกล้าแกร่ง แฝงแววรู้ทัน ฉลาดเฉลียว อีกทั้งกิริยาท่าทางของนางก็ไม่เหมือนสตรีชาววัง ดูไปแล้วเหมือนกับ...

“เจ้ามาพักอยู่ที่จวนสกุลหลวนใช่หรือไม่ คงลำบากไม่น้อย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป